การกล่าวอวยพรเนื่องในวันอีด การจับมือ และการสวมกอดหลังจากละหมาดอีด
บทความนี้ถูกแปลเป็นภาษา
หมวดหมู่
แหล่งอ้างอิง
Full Description
หุก่มการกล่าวอวยพรเนื่องในวันอีด การจับมือและการสวมกอดหลังจากละหมาดอีด
ما حكم التهنئة بالعيد ؟ وما حكم المصافحة والمعانقة بعد صلاة العيد ؟.
แปลโดย: ยูซุฟ อบูบักร์
ترجمة: يوسف أبوبكر
หุก่มการกล่าวอวยพรเนื่องในวันอีด การจับมือและการสวมกอดหลังจากละหมาดอีด
ถาม : หุก่มของการกล่าวอวยพรเนื่องในวันอีด การจับมือและการสวมกอดหลังจากละหมาดอีดมีว่าอย่างไร ?
ตอบ :
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ...
มีปรากฏจากบรรดาเศาะหาบะฮฺ รอฏิยัลลอฮุอันฮุม เนื่องในวันอีดพวกเขาได้แสดงความยินดีซึ่งกันและกัน โดยการกล่าวว่า “ตะก็อบบะลัลลอฮุ มินนา วะมินกุม"
عن جُبَيْرِ بْنِ نُفَيْرٍ قَالَ : كَانَ أَصْحَابُ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِذَا اِلْتَقَوْا يَوْمَ الْعِيدِ يَقُولُ بَعْضُهُمْ لِبَعْضٍ : تَقَبَّلَ اللَّهُ مِنَّا وَمِنْك . قال الحافظ : إسناده حسن .
จากญุบัยรฺ บิน นุฟัยรฺ กล่าวว่า : ปรากฏว่าบรรดาศอฮาบะฮฺของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิวะซัลลัม เมื่อพวกเขาพบกันในวันอีดจะกล่าวอวยพรซึ่งกันและกันว่า “ตะก็อบบะลัลลอฮุ มินนา วะมินกา" อัลฮาฟิซกล่าวว่า: สายรายงานหะซัน
อิหม่ามอะหฺมัด รอฮิมะฮุลลอฮฺ กล่าวว่า : นับว่าไม่เป็นอะไรการที่คนหนึ่งกล่าวกับอีกคนเนื่องในวันอีด ว่า “ตะก็อบบะลัลลอฮุ มินนา วะมินกา" อิบนุ กุดามะฮฺ คัดลอกคำพูดของท่านไว้ในหนังสือ อัลมุฆนียฺ
ชัยคุล อิสลามอิบนิ ตัยมิยะฮฺ ถูกถามใน “อัลฟะตาวา อัลกุบรอ" (2/228) : อนุญาตให้กล่าวอวยพรเนื่องในวันอีด และการกระทำด้วยความเคยชินของผู้คนทั่วไป เช่น “อีดมุบาร็อก" หรือคำพูดทำนองเดียวกันนี้ มีปรากฏในบทบัญญัติหรือไม่ ? และหากว่ามันมีปรากฏในบทบัญญัติ จะกล่าวด้วยประโยคอะไร ? ท่านตอบว่า : “สำหรับการกล่าวอวยพรเนื่องในวันอีดพวกเขาจะกล่าวซึ่งกันและกันเมื่อพบกันหลังจากละหมาดวันอีด เช่น “ตะก็อบบะลัลลอฮุ มินนา วะมินกุม" และ “อะหาละฮุลลอฮุ อะลัยกะ" และการกล่าวในทำนองเดียวกันนี้ ลักษณะเช่นนี้มีปรากฏว่าบรรดาเศาะหาบะฮฺกลุ่มหนึ่งได้ปฏิบัติและในเรื่องนี้บรรดาอิหม่ามส่วนหนึ่งมีความเห็นว่าสามารถกระทำได้ เช่น อิหม่ามอะหฺมัดและคนอื่นๆ ทว่าท่านอิหม่ามอะหฺมัดกล่าวว่า : ฉันจะไม่เป็นคนเริ่มกล่าวกับใครก่อนและหากมีผู้ใดมาเริ่มกล่าวกับฉันก่อนฉันจะกล่าวตอบ เพราะว่าการกล่าวตอบคำทักทายเป็นสิ่งที่จำเป็น ส่วนการเริ่มกล่าวคำอวยพรไม่ใช่สุนนะฮฺที่ถูกใช้ให้ปฏิบัติแต่ประการใดและเช่นกันไม่มีคำสั่งห้าม ดังนั้นผู้ใดได้ปฏิบัติเขาก็มีแบบอย่างและผู้ที่ไม่ปฏิบัติเขาก็มีแบบอย่าง วัลลอฮุ อะลัม"
เชคอิบนุ อุษัยมีน ถูกถามเรื่องหุก่มของการกล่าวอวยพรเนื่องในวันอีดมีว่าอย่างไร ? และมีประโยคหรือสำนวนเฉพาะหรือไม่ ?
ท่านตอบว่า : “การกล่าวอวยพรเนื่องในวันอีดเป็นสิ่งที่อนุญาตให้กระทำ และมันไม่มีประโยคหรือสำนวนของการอวยพรเป็นการเฉพาะ ทว่าเป็นความเคยชินที่ผู้คนถือปฏิบัติกันมา อนุญาตให้กระทำ และไม่มีความผิดแต่ประการใด"
ท่านได้กล่าวเช่นกันว่า “การกล่าวอวยพรเนื่องในวันอีด มีบรรดาเศาะหาบะฮฺ รอฏิยัลลอฮุอันฮุม บางกลุ่มได้ปฏิบัติกันมา และถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ได้ปฏิบัติแต่ทว่าในยุคปัจจุบันเป็นประเพณีที่คุ้นเคยของผู้คน จะกล่าวอวยพรซึ่งกันและกันในโอกาสที่กลับมาพบวันอีด และในโอกาสที่การถือศีลอด การละหมาดกิยามครบถ้วนสมบูรณ์"
ท่านเชคยังถูกถามเรื่อง : หุก่มการจับมือ การสวมกอดและการอวยพรหลังจากการละหมาดอีดมีว่าอย่างไร ?
ท่านตอบว่า :“การกระทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้นับว่าไม่เป็นไร เพราะบรรดาผู้ปฏิบัติไม่ได้ยึดถือว่ามันเป็นหนทางสู่การเคารพภักดีและเป็นการแสดงถึงความใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺ ทว่าพวกเขาได้ปฏิบัติมันเป็นประเพณีความเคยชินและเป็นการให้เกียรตินอบน้อม และตราบใดที่ประเพณีปฏิบัติไม่มีบทบัญญัติมาห้าม พื้นฐานเดิมของมันถือว่าเป็นที่อนุญาต" (มัจญมัวะฟะตาวา อิบนุ อุษัยมีน 16 / 208 - 210)